วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

ปล่อยวางคืออะไร

Glow In The Dark SunglassesLennon SunglassesOakley Mp3 SunglassesBaby Banz SunglassesReplay SunglassesBuy Ray Ban SunglassesLulu Guinness SunglassesCeline SunglassesTactical SunglassesJohn Varvatos SunglassesCaviar SunglassesNascar SunglassesOakley M Frame SunglassesAgent Smith SunglassesJimmy Crystal SunglassesBallistic SunglassesGirls SunglassesStylish SunglassesSolar Bat SunglassesHippie SunglassesUv3 SunglassesMovie SunglassesVistana SunglassesBradley SunglassesKreed SunglassesCamo SunglassesRudy SunglassesWholesale Fashion SunglassesBuy Designer SunglassesMormaii SunglassesOakley Oil Rig SunglassesFloating SunglassesCute SunglassesKiss SunglassesSinner SunglassesGangster SunglassesPromotional SunglassesRockstar SunglassesSergio Tacchini SunglassesFake Ray Ban SunglassesVideo SunglassesAerial SunglassesKathy Van Zeeland SunglassesRyan Sheckler SunglassesNeo SunglassesDiscount Spy SunglassesShimano SunglassesVisor SunglassesBifocal Reading SunglassesSpy Tron Sunglasses



ปล่อยวางคืออะไร....(พระครูเกษมธรรมทัต )



ทิ้ง ไปใช่ไหม นั่นเรียกว่าวางทิ้ง ทิ้งขว้าง
ลักษณะของวิปัสสนาไม่ใช่วางทิ้ง
ไม่ สนใจ ไม่เอา ไปเอาเรื่องอื่น

แต่วิปัสสนาเป็นเรื่องของการเรียนรู้
ถ้า เราไม่รู้ไม่ดู จะเกิดปัญญาได้อย่างไร

รู้ อย่างไร ความรู้ที่ถูกต้องคือ
เป็นความรู้ที่ปล่อยวาง
ความรู้ที่รอด จากความยินดียินร้าย
ความรู้ที่ไม่มีความยินดียินร้าย
ไม่มีความ ทะยานอยาก


ปกติเมื่อเรารู้อะไร เราจะมีตัณหาเป็นแรงยุใช่ไหม
รู้ แบบยึดมั่น อยากมากก็ยึดมั่นมาก
ก็หนักอกหนักใจ ไม่สงบบไม่เบา
เพราะ มีตัณหาเข้าไปด้วย

เราปฏิบัติมีเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่นิพพาน
อัน เป็นโลกกุตรธรรม
ซึ่งมีสภาพที่หลุดพ้น
สิ้นอาลัยในตัณหา สำรอกกิเลส
แต่ เราก็มักเจริญตัณหา
จะเอาให้ได้ จะทำให้ได้ มันจึงสวนทาง

ดัง นั้นเพียงแต่เราฝึกสติอย่างปล่อยวางให้เป็น
จะพบใจที่เบิกบานใสเย็นขึ้น
การ ระลึกอย่างปล่อยวางไม่ว่าอะไร



สิ่งนั้นยังจะเป็นไปอย่างไรก็จะยังไม่ว่าอะไร
ยังจะต่อๆ ไปก็ไม่ว่าอะไร
โดยดูอยู่เฉยเช่น
ยังจะฟุ้งอยู่ก็ ไม่ว่าอะไร
ก็ดูไปเฉยๆ จะเป็นไปอย่างไรก็เป็นไป
ผู้รู้ไม่ว่าอะไร

นั่น เป็นข้อสำคัญที่จะทำให้การปฏิบัติเข้าสู่ความเป็นกลาง
เกิดความพอดี
เป็น เหตุเป็นปัจจัย
ให้เกิดความเป็นกลางเป็นปัญญาขึ้น

ปัญญา ที่จะก้าวสู่โลกุตรสัมมาทิฏฐิ จะเห็นความจริง
คือเห็นสภาวะของความเปลี่ยนแปลง เกิดดับ
จะ เห็นสภาวะของร่างกายจิตใจ ว่าเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกขณะ
ความรู้สึกเย็นร้อน อ่อนแข็ง หย่อนตึงก็มีความเปลี่ยนแปลง


ส่วนสภาวะทางจิตใจ เช่นความคิด ความรู้สึก ความปรุงแต่งใดใดก็ตาม
มีความเปลี่ยนแปลงเกิดดับ หมดไป สิ้นไป
ตลอดจน ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น
คือ การเห็น การได้ยิน การรู้กลิ่น การรู้รส
มีการเปลี่ยนแปลง หมดไปสิ้นไป บังคับบัญชาอะไรไม่ได้

นี่เป็นปัญญาที่เกิดจากการพัฒนา
จากการที่ เราพนยามยามฝึกจิตใจ ให้มีสติอยู่เสมอ และเจริญสติ
ด้วยความที่เรามีสุตะ ฟังให้เข้าใจมีโยนิโสมนสิการ
มีจินตามยปัญญาปัญญาคิดพิจารณาถูกต้อง

จะเป็นเหตุให้เราพัฒนาปัญญา
ทั้งปัญญา ในระดับโลกียปัญญา
ตือที่รู้เรื่องกฏแห่งกรรม รู้เห็นสภาวะรูปนาม เป็นไตรลักษณ์


จนกระทั่ง ปัญญาที่เจริญขึ้น
เข้าถึงขั้นโลกุตตระก็จะละกิเลสได้
ถ้าเราได้สะสม เหตุปัจจัยที่ถูกต้อง




ขอบคุณบทความ จาก ธรรมจักร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น